วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2556
ผลงานการตัดต่อวีดีโอชิ้นเเรก
https://drive.google.com/file/d/0B4AoyhDGL__8MVhqUlN0SEFkdkU/edit?usp=sharingคลิกเพื่อชมผลงาน
วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2556
การตัดต่อวีดีโอ
โปรแกรม Free
Video Dub เป็นอีกโปรแกรมย่อยที่อยู่ใน
โปรแกรมใหญ่ DVDVideoSoft เพราะทั้งโปรแกรมเค้าเล่น
pack โปรแกรมเล็ก ๆ ไว้ให้ใช้งานถึง 48 โปรแกรม ซึ่งดิฉันเองเคยนำมาเขียนบทความไปหลายบทความ เพราะใช้งานผลิตภัณฑ์เค้าอยู่ นอกจากฟรีแวร์แล้ว ยังมีให้เลือกหลากหลาย จึงเป็นอีกหนึ่งโปรแกรมที่ยังคงมีติดไว้ในเครื่องเสมอ เช่นนำมา Download จาก Youtube
เป็น mp3 ทั้ง Playlists ,นำมาแปลงไฟล์ Video เป็นรูปภาพ
Jpg, และอื่่น ๆอีกมากมาย วันนี้จึงหยิบอีกหนึ่งโปรแกรมย่อยที่อยู่ใน DVDVideo
soft มาเล่าต่อ ก็คือโปรแกรม Free Video Dub ใช้สำหรับการตัดต่อวีดีโอ สำหรับมือใหม่หัดเรียนรู้การใช้งานโปแกรมสำหรับตัดวีดีโอ
รุปที่ 1 หน้าต่างโปรแกรม Free video dub สำหรับตัดวีดีโอ
1. หลังดาวน์โหลดและติดตั้งโปรแกรม เสร็จเรียบร้อย คลิ๊กที่ Start > All Programs > DVDVideoSoft
> Programs > Free Video Dub หรือดับเบิ้ลคลิ๊กที่ไอคอน
DVDVideoSoft Free Studio
รุปที่ 2
การตั้งค่า Video
input และ Video output
2. คลิ๊กที่ด้านซ้าย “ ……” Input file : เพื่อเพิ่มไฟล์วีดีโอที่ต้องการนำมาตัดจากคอมพิวเตอร์ วีดีโอที่สามารถนำมาใช้ร่วมกับโปรแกรม Free
video Dub เพื่อใช้ในการตัดต่อคือโปรแกรมนามสกุล
*.avi, *.mpg, *.mp4, *.mkv, *.flv, *.3gp, *.webm, *.wmv.
3. คลิ๊กที่ "..."
ที่อยู่ด้านขวา Output file : เลือกโฟลเดอร์สำหรับจัดเก็บไฟล์วีดีโอที่ตัดเสร็จแล้ว ซึ่งเป็นโฟลเดอร์ที่เราต้องการบันทึกไว้
รุปที่ 3 การเลือกบริเวณที่ต้องการตัดออกจากวีดีโอ
4. เริ่มทำการตัดต่อที่เมนุแถบล่างของโปรแกรม จะมีไอคอนเป็นกรรไกรอยู่ ซ้ายและขวา ให้เลื่อนเคอร์เซอร์
ลากบริเวณที่ต้องการตัดออก ต่อจากนั้นคลิ๊กที่กรรไกรด้านซ้ายเพื่อเลือกส่วนที่ตั้องการตัดออก
ด้านซ้ายออกไป
คลิีกไอคอนกรรไกรด้านขวา เมื่อต้องการเลือกส่วนที่ต้องการตัดออกในด้านขวา ต่อจากนั้นกดไอคอน กากกบาท เพื่อทำการลบส่วนที่ไม่ต้องการออก เหลือไว้เฉพาะบริเวณในแถบสีีฟ้า นั่นคือส่วนที่ต้องการใช้งาน
5. หากตัดส่วนที่ไม่ต้องการผิดพลาด
สามารถแก้ไขได้ที่ไอคอน Undo และ Redo คลิีก Play
รูปที่ 4 ไอคอนสำหรับเล่นวีดีโอในโปรแกรม Free
video dub
วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2556
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ ด . ญ . ปิยมน สุขใจ ชื่อเล่น ปราย
เกิดวันที่ 13 กรกฎาคม 2543
อยู่บ้านเลขที่ 81/74 หมู่ 5 ต. บางกุ้ง อ. เมือง จ. สุราษฎร์ธานี
สีที่ชอบ สีฟ้า
อาหารที่ชอบ ก๋วยเตี๋ยว
กีฬาที่ชอบ วิ่ง
สัตว์เลี้ยงที่ชอบ สุนัข
เพื่อนสนิท ด.ญ.พฤกษา สืบศักดิ์ ด.ญ.สิรินดา ทองเดิม
กีฬาวอลเลย์บอล
วอลเลย์บอล
กีฬาวอลเลย์บอลเป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬายอดนิยม
ที่มีการแข่งขันระดับชาติ และนิยมเล่นกันอย่างแพร่หลาย
จนถูกรวมเข้ากับหลักสูตรการเรียนการสอนชั้นมัธยมศึกษาในหลายโรงเรียน
ซึ่งหลายคนก็คงอยากรู้จักกับกีฬาวอลเลย์บอลให้มากขึ้นเพื่อความสนุกในการชมและเชียร์กีฬาชนิดนี้ใช่ไหมเอ่ย
? วันนี้กระปุกดอทคอมมีข้อมูลของกีฬาวอลเลย์บอลมาฝากกันจ้า
..
ประวัติวอลเลย์บอล
กีฬาวอลเลย์บอล (Volleyball) นั้น ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1895 (พ.ศ.2438) โดย นายวิลเลียม จี. มอร์แกน (William G. Morgan) ผู้อำนวยการฝ่ายพลศึกษาของสมาคม Y.M.C.A. (Young Men's Christian Association) ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการมีกีฬาสำหรับเล่นในช่วงฤดูหนาวแทนกีฬากลางแจ้ง เพื่อออกกำลังกายและพักผ่อนหย่อนใจยามหิมะตก
โดย นายวิลเลียม จี. มอร์แกน เกิดไอเดียในการพัฒนากีฬาวอลเลย์บอลขึ้น ขณะที่เขากำลังนั่งดูเทนนิส และเลือกนำเอาตาข่ายกลางสนามของกีฬาเทนนิส มาเป็นส่วนประกอบในกีฬาที่เขาคิดค้น และเลือกใช้ยางในของลูกบาสเก็ตบอล มาเป็นลูกบอลที่ใช้ตีโต้ตอบกันไปมา แต่ยางในของลูกบาสเก็ตบอลกลับให้น้ำหนักเบาจนเกินไป จึงเปลี่ยนไปใช้ลูกบาสเก็ตบอลแทน ซึ่งลูกบาสเก็ตบอลก็มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมากจนเกินไปอีก เขาจึงสั่งทำลูกบอลขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะ ในขนาดเส้นรอบวง 25-27 นิ้ว และกำหนดน้ำหนักไว้ที่ 8-12 ออนซ์ จากนั้นจึงตั้งชื่อกีฬาชนิดนี้ว่า มินโทเนตต์ (Mintonette)
ต่อมา ชื่อของ มินโทเนตต์ (Mintonette) ถูกเปลี่ยนเป็น วอลเลย์บอล (Volleyball) หลังได้รับคำแนะนำจาก ศาสตราจารย์ อัลเฟรด ที เฮลสเตด (Professor Alfred T. Helstead) ในงานประชุมสัมมนาผู้นำทางพลศึกษาที่วิทยาลัยสปริงฟิลด์ (Spring-field College) เมื่อปี ค.ศ.1896 (พ.ศ.2439) และกลายเป็นกีฬายอดนิยมในหมู่ประชาชนชาวอเมริกัน จนแพร่หลายออกไปทั่วโลก รวมทั้งมีการปรับปรุงและพัฒนาอยู่เป็นระยะ
กติกาวอลเลย์บอลสนามแข่งขัน
- จะต้องเป็นพื้นไม้หรือพื้นปูนที่มีลักษณะเรียบ ไม่มีสิ่งกีดขวาง
- เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 9 เมตร ยาว 12 เมตร ความสูงจากพื้นประมาณ 7 เมตร มีบริเวณโดยรอบห่างจากสนามประมาณ 3 เมตร
- แต่หากเป็นสนามมาตรฐานในระดับนานาชาติ กำหนดให้รอบสนามห่างจากสนามประมาณ 5 เมตร ด้านหลังห่าง 8 เมตร และมีความสูง 12.5 เมตร
- เส้นรอบสนาม (Boundary lines) ทุกเส้นจะต้องกว้าง 5 เซนติเมตร เป็นสีอ่อนตัดกับพื้นสนาม มองเห็นได้ชัดเจน
- เส้นแบ่งเขตแดน (Center line) ที่อยู่ตรงกลางสนาม จะต้องอยู่ใต้ตาข่าย หรือตรงกับเสาตาข่ายพอดี
ตาข่าย
- จะต้องมีความสูงจากพื้น 2.43 เมตร กว้าง 1 เมตร ยาว 9.5 - 10 เมตร
- ตารางในตาข่ายกว้าง 10 เซนติเมตร ผู้ติดไว้กับเสากลางสนาม
- ตาข่ายสำหรับทีมหญิงสูง ลูกวอลเลย์บอล
- เป็นทรงกลมมีเส้นรอบวงประมาณ 65-67 เซนติเมตร น้ำหนัก 260-280 กรัม
- ทำจากหนังสังเคราะห์ที่ยืดหยุ่นได้
- ซึ่งในการแข่งขันระดับโลกจะใช้ลูกบอล 3 ลูกต่อการแข่งขัน เพื่อความต่อเนื่องหากบอลออกนอกสนาม
ผู้เล่น
- ในทีมจะต้องมีผู้เล่นไม่เกิน 12 คน ผู้ฝึกสอน 1 คน ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน 1 คน เทรนเนอร์ 1 คน และแพทย์ 1 คน
- ผู้เล่นจะลงเล่นในสนามได้ครั้งละ 6 คน โดยแบ่งออกเป็นหน้าตาข่าย 3 คน และด้านหลังอีก 3 คน
- สามารถเปลี่ยนตัวผู้เล่นครั้งละกี่คนก็ได้ โดยผู้เล่นเดิมที่ถูกเปลี่ยนออก สามารถเปลี่ยนกลับมาเล่นในสนามได้อีก
- การแต่งกายในชุดแข่งขัน ต้องแต่งกายเหมือนกันทั้งทีม ประกอบไปด้วย เสื้อสวมคอ กางเกงขาสั้น ถุงเท้า และรองเท้าผ้าใบพื้นยางที่ไม่มีส้น โดยผู้เล่นแต่ละคนจะต้องติดหมายเลขกำกับไว้ที่เสื้อ กำหนดให้ใช้เลข 1-18 เท่านั้น สำหรับหัวหน้าทีมจะต้องมีแถบผ้าขนาด 8x2 เซนติเมตร ติดอยู่ใต้หมายเลขบริเวณอกเสื้อด้วย2.24 เมตร
วิธีการเล่น
- ทีมที่ได้เสิร์ฟ จะต้องให้ผู้เล่นที่อยู่ในตำแหน่งขวาหลัง เป็นผู้เสิร์ฟเพื่อเปิดเกม จากนั้นผู้เล่นทุกตำแหน่งจะขยับตำแหน่งวนไปตามเข็มนาฬิกา
- การเสิร์ฟจะต้องรอฟังสัญญาณนกหวีดก่อน และให้เริ่มเสิร์ฟลูกบอลภายใน 5 วินาที
- ทีมที่ได้คะแนนจะเป็นผู้ได้เสิร์ฟ จนกว่าจะเสียคะแนนให้ฝ่ายตรงข้ามจึงจะเปลี่ยนเสิร์ฟ
- เมื่อลูกเข้ามาในเขตแดนของทีม จะสามารถเล่นบอลได้มากที่สุด 3 ครั้งเท่านั้น
- สามารถบล็อคลูกบอลจากฝ่ายตรงข้ามที่หน้าตาข่ายได้ แต่หากผู้เล่นล้ำเข้าไปในแดนของฝ่ายตรงข้ามจะถือว่าฟาวล์
- สามารถขอเวลานอกได้ 2 ครั้งต่อ 1 เซต ให้เวลาครั้งละ 30 วินาที
- ทุกครั้งที่แข่งขันจบ 1 เซต จะต้องมีการเปลี่ยนฝั่ง
การคิดคะแนน
- ทีมจะได้คะแนนเมื่อลูกบอลตกลงในเขตสนามของฝ่ายตรงข้าม โดยนับเป็นลูกละ 1 คะแนน และหากมีการเสียคะแนน จะต้องเปลี่ยนให้ทีมที่ได้คะแนนเป็นผู้เสิร์ฟ
- หากทีมไหนได้คะแนนครบ 25 คะแนนก่อน ก็จะเป็นผู้ชนะในเซตนั้นไป แต่หากคะแนนเสมอกันที่ 24-24 จะต้องมีการดิวซ์ (Deuce) หมายถึงต้องทำคะแนนให้มากกว่าอีกฝ่าย 2 คะแนน ถึงจะเป็นผู้ชนะ เช่น 26-24 หรือ 27-25 เป็นต้น
- ต้องแข่งขันกันให้ชนะ 3 ใน 5 เซต จึงจะเป็นผู้ชนะในเกมนั้น
วันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2556
กีฬาปิงปอง
กีฬาปิงปอง
อาศัยอุปกรณ์เข้าช่วย เป็นยางเม็ดสอดไส้ด้วยฟองน้ำเพิ่มเติมจากยางชนิดเม็ดเดิมที่ใช้กันทั่วโลก
การเล่นรุกของยุโรปใช้ความแม่นยำและช่วงตีวงสวิงสั้น
ๆ เท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้บ่า ข้อศอก และข้อมือเท่านั้น ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับญี่ปุ่นซึ่งใช้ปลายเท้าเป็นศูนย์กลางของการตีลูกแบบรุกเป็นการเล่นแบบ “รุกอย่างต่อเนื่อง” ซึ่งวิธีนี้สามารถเอาชนะวิธีการเล่นของยุโรปได้ การเล่นโจมตีแบบนี้เป็นที่เกรงกลัวของชาวยุโรปมาก
เปรียบเสมือนการโจมตีแบบ “KAMIKAZE” (การบินโจมตีของฝูงบินหน่วยกล้าตายของญี่ปุ่น)
ซึ่งเป็นที่กล่าวขวัญในญี่ปุ่นกันว่า การเล่นแบบนี้เป็นการเล่นที่เสี่ยงและกล้าเกินไปจนดูแล้วรู้สึกว่าขาดความรอบคอบอยู่มาก
แต่ญี่ปุ่นก็เล่นวิธีนี้ได้ดี โดยอาศัยความสุขุมและ Foot work ที่คล่องแคล่วจนสามารถครองตำแหน่งชนะเลิศถึง 7 ครั้ง
โดยมี 5 ครั้งติดต่อกัน ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1953-1959สำหรับในยุโรปนั้นยังจับไม้แบบ SHAKEHAND และรับอยู่ จึงกล่าวได้ว่าในช่วงแรก ๆ ของปี ค.ศ. 1960 ยังคงเป็นจุดมืดของนักกีฬายุโรปอยู่นั่นเอง
ในปี ค.ศ. 1960 เริ่มเป็นยุคของจีน ซึ่งสามารถเอาชนะญี่ปุ่นได้โดยวิธีการเล่นที่โจมตีแบบรวดเร็ว ผสมผสานกับการป้องกัน ในปี 1961 ได้จัดการแข่งขันเทเบิลเทนนิสชิงชนะเลิศ ครั้งที่ 26 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน จีนเอาชนะญี่ปุ่น ทั้งนี้เพราะญี่ปุ่นยังใช้นักกีฬาที่อายุมาก ส่วนจีนได้ใช้นักกีฬาที่หนุ่มสามารถเล่นได้อย่างรวดเร็วปานสายฟ้าทั้งรุกและรับ การจับไม้ก็เป็นการจับแบบปากกา โดยจีนชนะทั้งประเภทเดี่ยวและทีม 3 ครั้งติดต่อกัน ทั้งนี้เพราะจีนได้ทุ่มเทกับการศึกษา
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)